วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

0 โภชนาการอาหารสำหรับผิว

 โภชนาการอาหารสำหรับผิวพรรณ
  • ผิวหนัง ถือว่าเป็นอวัยวะที่เป็นเกราะกำบังสำหรับร่างกาย ต่อการป้องกันจุลินทรีย์และสิ่งแปลกปลอมจากสิ่งแวดล้อม นอ�
  • ��จากนี้ยังมีหน้าที่ในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย สร้างวิตามินดี ป้องกันการสูญเสียน้ำ รับรู้ความรู้สึก และขจัดของเสียออกจากร่างกายทางเหงื่อ เป็นต้น
  • ผิวหนังที่เสื่อมก่อนวัย หรือริ้วรอย ตีนกา ที่เริ่มมีมาก่อนกำหนด หรือดูแล้วทรุดโทรมมากกว่าอายุปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีสาเหตุจาก
    1. แสงแดด ทั้งรังสียูวีเอ ที่ทำลายโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น รังสียูวีบีที่ทำให้เกิดผิวหนังดำคล้ำ หรือทำให้เซลล์ผิวหนังเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง ดังนั้นจึงต้องป้องกันด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF (สำหรับป้องกันรังสียูวีบี) และค่า PA (สำหรับป้องกันรังสียูวีเอ) ที่เพียงพอและทาเป็นประจำ
    2. อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากปฏิกริยาออกซิเดชั่น จึงได้มีการคิดค้นสารที่เป็น Antioxiants ที่จะจำกัดอนุมูลอิสระเหล่านี้ ทั้งในรูปของครีมบำรุงผิว และ ในรูปของอาหารเสริม เช่น กลุ่ม Glutathione peroxides,Selenium,Viamin C, Vitamin E, Vitamin A , Beta carotene , Coenzyme Q10 (ซึ่งได้เขียนบทความโดยละเอียดไว้แล้วที่นี่http://www.clinicneo.co.th/column/col.php?cid=129)
    3. สิ่งแวดล้อม มลพิษ เขม่าควันต่างๆ
    4. การได้รับสารอาหารสำหรับผิวพรรณไม่เพียงพอ
  • โภชนาการเสริมสร้างสุขภาพผิว ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพที่ดี สารอาหารที่สำคัญและควรใส่ใจในการเลือกบริโภคที่สำคัญ มีดังนี้
    1. Vitamin C เป็นสาร Antioxidantsที่พบมากที่สุดในผิวหนัง ทำหน้าที่ลดอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งผิวหนัง ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ใช้ป้องกันและรักษาเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย
    อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขาม มะละกอสุก แคนตาลูป มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดอกกระหล่ำเป็นต้น ซึ่งหากรับประทานอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอ อาจจะรับประทานวิตามินซีสังเคราะห์วันละ 500-100 มก.ก็เพียงพอ เพราะหากรับประทานในปริมาณสูงกว่านี้ อาจทำให้ระดับ oxalate ในปัสสาวะสูง เกิดนิ่วในไตได้
    2. Vitamin E เป็นสาร Antioxidants ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเนื้อเยี่อจากการถูกเอนไซม์ทำลาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ ป้องกันและลดอันตรายจากแสงแดด และลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ ลดความเสื่อมของผิวหนังที่ทำให้เกิดริ้วรอย
    อาหารที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่ น้ำมันพืชประเภทน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์มโอเลอิน น้ำมันรำข้าว งา น้ำมันสลัด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว ซึ่งหากรับประทานอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอ อาจจะรับประทานวิตามินอีในรูปอาหารเสริม วันละ 400 มก.ก็เพียงพอ
    3. Vitamin A โดยใช้สารตั้งต้นที่ชื่อ เบต้าแคโรทีน และสารแคโรทีนอยด์ แล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มเรตินอล (Retinol) ซึ่งปัจจุบันได้มีการคิดค้นเกี่ยวกับสารสังเคราะห์สำหรับผิวพรรณที่เรียกว่า กลุ่มเรตินอยด์ ทั้งในรูปของครีมทา และยารับประทาน ( ซึ่งนำมารักษาสิว ริ้วรอยนั่นเอง) เลียนแบบวิตามินเอ ( เรตินอล) จากธรรมชาติ เพราะมีรายงานมากมายที่สนับสนุนว่า วิตามินเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อ ของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอผิวเสื่อม ริ้วรอยย่นก่อนวัย
    อาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ อาหารจากผลิตภัณฑ์สัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา ไข่ นม ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง มะละกอสุก มะม่วงสุก แคนตาลูป กล้วยไข่ ลูกท้อแห้ง เป็นต้น ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินเอ ประมาณ 1000 ไมโครกรัมต่อวัน ( ในรูปของ Retinol)
    4. ซีลีเนียม ( Selenium) ถือเป็นสารที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง ผิวหนังจากแสงแดด การทาครีมที่ผสมซิลีเนียม จะทำให้ลดอาการแดดเผา ผิวหนังอักเสบได้ และป้องกันมะเร็ง
    ยังไม่มีรายงานการขาดสารซิลีเนียมในคนแล้วเกิดโรคต่างๆ เพราะอาหารที่มีซิลีเนียม ส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับเพียงพอ เพราะต้องการเพียงปริมาณไม่มากนัก อาหารเหล่านี้ได้แก่ อาหารทะเล ตับ ไต เนื้อสัตว์ กระเทียม ไข่ เมล็ดพืชต่างๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานเป็นอาหารเสริม เพราะอาจจะมีปริมาณสูงเกินไป ส่วนใหญ่จะนำมาผสมในครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด
    5. ไบโอติน สารอาหารที่อยู่ในตระกูลวิตามินบี เป็นสารที่มีประโยชน์ในเรื่องการเผาผลาญ และปรับสมดุลของการไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้ จะทำให้ผิวแห้ง เบื่ออาหาร เส้นผมและเล็บเปราะหักง่าย ผมงอกช้า
    อาหารที่มีไบโอตินสูง ได้แก่ ขนมปัง ธัญพืชไม่ขัดสีต่างๆ อาหารโปรตีนสูง ไข่แดง ตับ บรูเวอร์ยีสต์ ข้าวกล้อง ถั่วชนิดต่างๆ ปกติร่างกายของเราจะได้รับสาร ไบโอติน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ภายในร่างกายมี แบคทีเรียที่ชื่อ Lactobacillin ในลำไส้ ที่สามารถผลิตสารไบโอตินได้ แต่ถ้าต้องการรับประทานเป็นอาหารเสริม ปริมาณที่เหมาะสมคือ วันละ 600-1,200 มก.
    6. สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์กว่า 70 ชนิด ทั้งที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมของกรอไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามินเอ ได้ดีขึ้น มีความสำคัญในการรักษาแผลหรือสมานแผล
    อาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ หอยนางรม อาหารทะเล ตับ ชีส เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ นม รวมทั้งธัญพืชที่ไม่ได้ขัด ถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง และถั่วเปลือกแข็ง ร่างกายต้องการสังกะสี ในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ วัย และภาวะของร่างกาย แต่โดยเฉลี่ยไม่ควรเกินวันละ 15-30 มก.
    7. Coenyme Q10( Uniquinone) เป็นสารAntioxidants ที่ค้นพบมานานแล้ว โดยพบมากที่อวัยวะที่มีการ metabolism สูง เช่น หัวใจ ไต และตับ โดยทำหน้าที่ถ่ายทอดพลังงาน สำหรับผิวหนัง CoQ10 จะพบมากในชั้น epidermis มากกว่า dermis มีสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ( free radicles) จึงเชื่อว่า สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ ปัจจุบัน ได้นำมาทำเป็นครีมทาเฉพาะที่ เพื่อลดริ้วรอย โดยเฉพาะรอยดวงตา
  • การเลือกสารอาหารที่มีวิตามินและอาหารผิว ตามบทความข้างต้นนี้ ทำให้ท่านสามารถบำรุงผิวพรรณได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องสรรหาจากท้องตลาด ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการกล่าวถึงอาหารผิว และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิวพรรณ มากมาย หลายยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกันมากมาย พร้อมบรรยายสรรพคุณชวนให้เสียเงินได้ง่ายๆ หรือถ้าจะเลือกก็พิจารณาเลือกอย่างเหมาะสม และในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อสุขภาพของกระเป๋าสตางค์ท่านเช่นกัน

    เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระhttp://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=1&sdata=&col_id=251
  • your ad here

    0 ประโยชน์ของมะพร้าว

     
    มะพร้าวจัดเป็น “พืชเศรษฐกิจ” ที่มีอนาคตไกลและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก
    นั่นเพราะ “จุดเด่น” ในตัวที่มีมากมาย และผลการวิจัยของนักวิชาการหลายสำนัก ทั้งในและต่างประเทศระบุตรงกันถึงประโยชน์ของมะพร้าว ซึ่งนอกจากจะมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการแล้ว ในส่วนของ “น้ำมะพร้าว” ยังมีสรรพคุณในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย แถมยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกมา เพื่อสร้างความสมดุลขึ้นในร่างกายคนเราด้วย

    งานวิจัยของนักวิชาการไทย ยังพบด้วยว่า “น้ำมะพร้าว” เป็นอาหารบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้ง่าย อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูง สามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป

    ล่าสุด งานวิจัยของนักวิชาการจากภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ยังพบด้วยว่า “น้ำมะพร้าว” มีส่วนช่วยทำให้บาดแผลจากของมีคมหายเร็วขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึงและทำให้ผู้ที่ดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำมีใบหน้าสดใสมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ “หมอพื้นบ้านไทย” เองก็ถือว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น และใช้รักษาโรคกระดูก ขณะที่ “แพทย์แผนจีน” เชื่อว่ามะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลาง คือไม่เป็นทั้งหยินและหยาง มีสรรพคุณในการขับพยาธิในร่างกายอีกด้วย

    ดังจะเห็นประโยชน์ของมะพร้าวที่มีมากมาย 
    จึงสมควรที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจะช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนการผลิต “พืชเศรษฐกิจ” ที่เพาะปลูกได้ง่ายและมีต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมากนัก ที่สำคัญไม่ต้องดูแลบำรุงรักษาให้มากความเหมือนผลไม้ชนิดอื่น ๆ แถมปลูกครั้งเดียวก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ยาวนาน

    ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจ หากจะมีกลุ่มแม่บ้าน หรือบริษัทห้างร้านจากภาคเอกชนรายใด คิดเดินหน้าต่อยอด 
    สร้างผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากมะพร้าว ซึ่งเป็นผลไม้ที่ให้ทั้งคุณประโยชน์ต่อร่างกาย และสร้างคุณค่าในทางเศรษฐกิจอย่างมากเหมือนเช่นกลุ่ม ศรีนาพร มาร์เก็ตติ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวผสมวุ้นมะพร้าว เมจิกฟาร์ม ได้ผลิตน้ำมะพร้าวสำเร็จรูปพร้อมดื่มมาให้ผู้ที่หมั่นดูแลรักษาสุขภาพและความงามในคราวเดียวกันได้ดื่มอย่างต่อเนื่อง.

    ขอบคุณข้อมูลดีๆจากwww.teenee.com

    your ad here

    0 กินโยเกิร์ต-นมเปรี้ยวอย่างไร?ได้ประโยชน์

     
    กินโยเกิร์ต-นมเปรี้ยวอย่างไร? ได้ประโยชน์!
    โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่คุ้นเคย อาจไม่ได้ให้ประโยชน์อย่างที่เข้าใจ รีบมารู้ของดีจริงต้องเป็นแบบไหนคลับสุขภาพศุกร์นี้มาเติมสิ่งดีๆ ให้กับกระเพาะอาหารและสำไส้ หลายคนอาจทราบว่า โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว เป็นอาหารอีกชนิดที่ดีต่อสุขภาพ แต่ที่มีอยู่ในท้องตลาดนั้น ไม่ใช่ทุกชนิดที่ทานแล้วได้ประโยชน์จริงๆ
    โยเกิร์ต (Yoghurt) และนมเปรี้ยว (Drinking yoghurt) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนมสด หรือนมพร่องมันเนย โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส และสเตรปโตคอคคัส เป็นหลัก ใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่างๆ จากนั้นแบคทีเรียเหล่านี้จะช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค จนมีภาวะกรด และมีรสเปรี้ยว โดยความเป็นกรด-ด่าง อยู่ระหว่าง 3.8-4.6 หลังนำแบคทีเรียข้างต้นไปหมักกับนมก็จะได้เป็นนมเปรี้ยว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดแรกเป็น ‘นมเปรี้ยว’ ที่มีลักษณะเป็นน้ำคล้ายเครื่องดื่ม อีกชนิดหนึ่งเป็นนมเปรี้ยว ที่มีลักษณะเหลวข้นที่เรียกว่า ‘โยเกิร์ต’ นั่นเองค่ะ
    โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวยังได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดอาหารมีประโยชน์ที่ผลิตจากนมโค อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีสารอาหารครบถ้วนเทียบเท่ากับนมโคสด และในบางตำรายังกล่าวว่า ให้คุณค่าทางโภชนาการดีกว่านมสด เช่น โปรตีนเคซีนในนมเปรี้ยวจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีกว่า เพราะย่อยสลายได้ง่ายกว่า
    สำหรับโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่เราคุ้นเคยกันอยู่นั้น อาจไม่ใช่โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่กำลังจะกล่าวถึง เพราะจุดประสงค์ของการทานโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่ถูกต้อง คือ ทานแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตจำนวนมาก (ประมาณหมื่นล้านตัวต่อกรัม) เพื่อหวังผลต่อสุขภาพ
    ส่วนโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่เราซื้อหากันในท้องตลาด ส่วนใหญ่ทำขึ้นโดยการปรุงแต่งรสชาติให้อร่อย บางชนิดไม่สมควรเรียกว่าโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวด้วยซ้ำ เพราะนำไปฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูงและนำมาบรรจุกล่อง ซึ่งแท้ที่จริงน่าจะเรียกว่าซากโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมากกว่านะคะ แถมบางชนิดใส่น้ำตาลมากไปจนน่าสงสัยว่าจะได้ประโยชน์จากโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจริงๆ หรือไม่ และบางชนิดมีการเจือจางจนปริมาณแบคทีเรียเหลือจนอยู่น้อยมาก
    ดังนั้นโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่ดี ไม่ควรมีส่วนผสมอย่างอื่นเข้าไปเจือปน ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล สี สารเจลาติน กลิ่น รสสังเคราะห์ เพราะทำให้คุณค่าของโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวด้อยลง แม้ว่าเราอาจจะไม่คุ้นเคยต่อโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวรสธรรมชาติ แต่ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ท่านก็จะสามารถทานโยเกิร์ตธรรมชาติด้วยความสบายใจและอร่อยกันค่ะ
    มาดูกันต่อนะคะว่า โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวส่งผลดีต่อร่างกายอย่างไร...
    1.โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม ที่ชื่อ เคซีน ซึ่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและโปรตีนเคซีน
    2.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยยับยั้งจุลชีพที่ไม่เป็นมิตรในลำไส้ โดยกรดแลคติคจะช่วยต่อต้านจุลชีพที่อาจให้โทษต่อร่างกาย เช่น เชื้อซัลโมเนลา, อี โคไล, โคลินแบคทีเรีย ทำให้เชื้อเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายได้ เราจึงควรทานโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีกลุ่มแบคทีเรียที่ดีอาศัยอยู่ภายในลำไส้
    3.เป็นแหล่งวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามิน บี1(ไรโบฟลาวิน) แบคทีเรียในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวยังช่วยสังเคราะห์วิตามินบี และวิตามินเค ในลำไส้
    4.ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ท้องเดิน และแผลในกระเพาะอาหาร จากการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเด็กหายจากอาการท้องเสียเร็วขึ้น หลังจากได้ทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว
    5.ร่างกายดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น กรดแลคติคในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวช่วยทำให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้นและทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมง่ายขึ้น
    6.เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีโปรตีนมากกว่าในนม ร้อยละ20 และยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมไปได้ดี
    7.ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะแลคโตบาซิลัสช่วยควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
    8.ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยแลคโตบาซิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง ทั้งยังสามารถจับกับโลหะหนัก และกรดน้ำดีซึ่งมีพิษ แลคโตบาซิลัสช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรทได้ (สารไนเตรทเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง) และแลคโตบาซิลัสยังช่วยเปลี่ยนสารฟลาโวนอยด์จากพืชให้เป็นสารต้านมะเร็งได้
    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านคงต้องรีบไปหาโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว ที่มีคุณสมบัติดีๆ มาติดตู้เย็นกันแล้วใช่ไหมคะ ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน เพื่อร่างกายของเรา และคนที่เรารักให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกันเถอะค่ะ อย่าลืมค่ะว่า You are what you eat เลือกทานอะไรดีๆ จะได้มีร่างกายที่แข็งแรงกันนะคะ.

    อ้างอิงบางส่วนจาก goodhealth.co.th
    www.teenee.com.
    your ad here

    0 สุขภาพ/ความงาม



    นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์
    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Skeyndor Clinic
     
      คอลลาเจนผงทำให้ขาวออร่าได้จริงหรอ??
      นับวันวัฒนธรรมความบ้า "ขาว" จะยิ่งทวีความแรงมากขึ้น เอะอะขอขาวใสไว้ก่อน สุขภาพมาที่หลัง ผลิตภัณฑ์เพิ่มความขาวใสในรูปแบบกินดูจะปลุกใจผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สิ่งที่กินเข้าไปเขายัดส่วนผสมอะไรในฉลากบ้าง แม้จะขาวเพียงชั่วครู่ชั่วยาม ตังค์หมดเลิกกินก็หายขาว พวกนางก็ยอม!
          
           และความขาวแบบง่ายๆ มักครองใจคนรุ่นใหม่เสมอ เทรนด์ใหม่ล่าสุด! คอลลาเจน (Collagen) ในรูปแบบผง 1 ซองต่อ 1 วัน จึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ซองเดียวชงกับน้ำ หรือเติมในอาหารง้ายง่าย
          
           “ผิวขาว หน้าใส เร่งด่วน เห็นผลภายใน 1 สัปดาห์ !! โดดเด่นด้วยคอลลาเจนเข้มข้น ไม่ต้องฉีดปลอดภัย 100%”
          
           นี่คือตัวอย่างคำโฆษณาสรรพคุณของเจ้าคอลลาเจนผง สาวกความขาวจึงแห่ซื้อมากินเพราะหวังว่าจะขาวและเต่งตึงได้ประโยชน์ 2 เด้ง
          
           นอกจากจะมีส่วนผสมของคอลลาเจนเป็นตัวหลักแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยวิตามินที่ทำให้ขาวขึ้นเช่น วิตามินซี และสารตั้งต้นของกลูต้าไธโอน ด้วยแน่ะ
           อ๊ะ! แต่มิใช่ว่าผลข้างเคียงของคอลลาเจนผงจะไม่มีนะจ๊ะ สาวเรานอกจากจะหน้าตาสะสวย ผิวพรรณเต่งตึงแล้ว ความคิดต้องชาญฉลาด ฟังหูไว้หูกันไว้ด้วย ลองฟังประสบการณ์ตรงของสาวผู้อยากขาวเสียก่อน
          
           "แก อย่าไปเชื่อโฆษณามากนักเลย กินแล้วขาวภายใน 7 วันอ่ะ นี่ชั้นกินมาสองเดือนละ ยังดำตับเป็ดอยู่เหมือนเดิม"
          
           เพื่อนสาวตัวดำผู้อยากขาวเล่าประสบการณ์คอลลาเจนผงยี่ห้อโด่งดังในเว็บไซต์ให้ฟังด้วยน้ำเสียงเซ็งเป็ด ยังไม่หนำใจนางยังเล่าอาการผลข้างเคียงให้ฟังอย่างเสียดายตังค์ว่า
          
           "ยี่ห้อนี้เหรอแก โคตรจะแพงกล่องละสองพันกว่าแน่ะ กินได้แค่เดือนเดียว ชั้นกินเข้าไปนะ แกเชื่อปะ ชั้นวูบทั้งวันทั้งคืน หันหัวเร็วๆ ไม่ได้เลยนะ จะเป็นล้มทันที ใจชั้นนะสั่นมาก พอกันที ชั้นไม่กินละ สองเดือนโดนไปเกือบห้าพัน ไม่มีคนทักว่าขาวสักแอ่ะ เอาเงินไปซื้อหวยดีกว่า ยังได้ลุ้นได้รวยด้วย"
          
           ดังนั้น เราจึงต้องรีบบึ่งไปถามทัศนะของแพทย์อีกมุมหนึ่งเพื่อเป็นการยืนยันการันตีกันดีกว่า ว่าคอลลาเจนผง นั้นทำให้ขาวเร็วได้จริงหรือแค่คำโฆษณาโกยตังค์เข้ากระเป๋าคนขาย
          
           คอลลาเจนผงไร้ประโยชน์ ไม่ดูดซึม เปลือง!
          
           "ครับ คอลลาเจนผง ไม่มีประโยชน์ แทบจะไม่ได้ดูดซึมอะไรเลย จะถ่ายทิ้งออกมาหมด เปลือง" นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Skeyndor Clinic กล่าว
          
           "ถามว่า ทำไมคอลลาเจนผงถึงกำลังเป็นที่โด่งดัง คงจะเป็นเรื่องของการมาร์เก็ตติ้งมากกว่าครับ เพราะสารส่วนใหญ่ที่ออกฤทธิ์จะโดนกรดในกระเพาะทำลายหมด ยกเว้นวิตามินบางชนิดเท่านั้นเท่านั้นเอง
          
           ถ้าจะได้ผล คอลลาเจนต้องฉีดเข้าไป หรือเป็นการใช้ทาข้างนอกและใช้เครื่องมือพิเศษผลักไอออนให้คอลลาเจนเข้าไป หรือมีเลเซอร์บางตัวไปกระตุ้น ไปสั่นเพื่อให้คอลลาเจนเกิดการกระตุ้น ปลุกให้คอลลาเจนตื่นตัว เพราะตอนนี้มันหลับอยู่ พอเข้าไปกระตุ้นมันก็จะตื่นนั่นเอง
          
           และคอลลาเจนสามารถสร้างเพิ่มขึ้นมาได้ เช่น การร้อยไหม หรือการใช้เครื่องเลเซอร์ผลักหรือกระตุ้น จะทำให้คอลลาเจนตื่นตัวได้"
          
           คุณหมอย้ำว่า "แต่ถ้าใช้กิน ไม่ค่อยเวิร์ก ไม่แนะนำ"
          
           พร้อมอธิบายต่อว่า คอลลาเจนไม่ได้ทำให้ขาวหรอก แต่เป็นเพราะสารตัวอื่นมากกว่าซึ่งผลข้างเคียงเพียบ
          
           "การกินแล้วแล้วขาวนั้น อาจจะเป็นเพราะการผสมกลูตาไธโอน หรือผสมสารปรอท ซึ่งสารปรอทนี่ขาวแน่นอน แต่ผลข้างเคียงเยอะมาก ทำให้ตับ ไต พังหมดเลยครับ ในระยะสั้นขาวจริง แต่ในระยะยาวเป็นผลเสียต่อร่างกายมาก ระยะยาวนั้นถ้าเป็นคนไข้ที่ไม่ได้มีโรคประจำตัว เช่น ตับไม่ได้วาย ไตไม่ได้วาย อาจจะราวๆ 1 ปี ติดต่อกันไตจะเกิดอาการวาย"
          
           กินแล้วขาวออร่า “คิดไปเอง”
           ดังนั้นการทานคอลลาเจนผง คุณหมอฟันโช๊ะว่า กินแล้วไม่ได้ขาวใสปิ๊งขึ้นหรอก แต่เป็นเรื่องของ "การคิดไปเอง”มากกว่า
          
           "ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการเงิน ถ้าซื้อได้ กินได้ รู้สึกดี ก็กินครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องของสุขภาพจิตด้วยนะ ถ้ากินแล้วรู้สึกดี รู้สึก healthy ราคารับไหว กินแล้วไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไร ตรวจดูแล้วไม่ได้มีสารปรอท ไม่มีสารเคมีอื่นตกค้างก็สามารถกินได้ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องต้องห้ามอะไร
          
           แต่ถ้ากินแล้วจะหวังผลว่ามันจะต้องได้อย่างนั้นขาวได้อย่างนี้ก็คงไม่ใช่จุดประสงค์ เพราะการกินคอลลาเจนผงไม่ได้กระตุ้นให้ขาวได้จึงบอกไม่ได้ว่าทานกี่มิลลิกรัมต่อวันแล้วจะขาว น่าจะเป็นส่วนของกลูต้าไธโอนบวกกับวิตามินซีมากกว่า"
          
           วูบเพราะขาดเลือด ขาวเพราะ "ซีด"
          
           จากประสบการณ์ตรงของเพื่อนสาว ที่นางเล่าว่า ทานคอลลาเจนผงแล้ววูบ ลุกแล้วหน้ามืด ใจสั่น คุณหมอ ตอบว่า
          
           “ส่วนผลข้างเคียง เช่น วูบ วิงเวียนศีรษะ ถ้าเขาเคลมว่าขาวใสภายใน 7 วัน และมีอาการวูบ น่าจะมีกลุ่มของยา Diuretic หรือ กลุ่มของยาขับปัสสาวะ ก็จะทำให้ปัสสาวะเยอะ และลดความดันบางตัว ทำให้ดูซีด จึงทำให้ดูขาว เพราะเกิดจากการซีดนั่นเอง
          
           มนุษย์เราปกติจะมีเลือด เช่น ลองดูจากนัยตาเราซิ จะมีเลือดเส้นเลือดแดงๆ ให้เห็นอยู่ แต่ถ้ากินไปจะเกิดอาการซีดเพราะเลือดน้อยนั่นเอง จะทำให้มีผลในเรื่องความดัน เป็นอาการของ Orthostatic Hypotension เช่น ลุกขึ้นมาวิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ วูบ
           ควรเลิกทานทันที และบำรุงความดันขึ้นมา เช่น กินผักใบเขียว ทานตับให้เยอะ ดื่มน้ำตามเยอะๆ จะช่วยได้ อันนี้ในส่วนของกรณีคนไข้ปกติไม่ได้มีโรคอะไร
          
           หันมาทานผักผลไม้ อาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน ผักใบเขียวทุกชนิด และผักที่มีสีสัน เช่น บีทรูท แครอท ฟักทอง และหากทานบล็อกโคลี่ได้จะมีประโยชน์มาก เพราะคอลลาเจนมาก กล้วยน้ำว้าก็เยี่ยมมาก แอปเปิล กีวี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัยได้ และมะเขือเทศ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดอาการ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายได้
          
           ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ คุณพ่อของหมอเองมีต่อมลูกหมากโต ผมจึงให้คุณพ่อทานมะเขือเทศกินทุกวัน ผ่านไป 6 เดือน ไปอัลตราซาวนด์ดูก้อนมะเร็งลดลงไปเลย
          
           สุดท้าย คุณหมอย้ำเตือนสาวๆ ผู้พิสมัยหลงใหลในความขาวว่า
          
           “ต้องระวังเรื่องของมาร์เก็ตติ้งให้มาก เพราะคอลลาเจนจะช่วยให้ความชุ่มชื้นเต่งตึง แต่ไม่ใช่โดยการกิน ต้องเป็นโดยการผลัก หรือฉีดเท่านั้น”
          
           ทำใจ! ไม่มีสารอะไรแก้ความเหี่ยวได้ถาวร
          
           ข้อมูลทางการแพทย์ ระบุด้วยว่า ในปัจจุบันคอลลาเจนได้รับความสนใจในการใช้เป็นอาหารเพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวหนัง แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดถึงภาวะร่วงโรยของผิวหนังที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้งตามกาลเวลาแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างถาวร
          
           วิธีง่ายๆ บ้านๆ จึงควรดูแลผิวด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของผิว โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน
          
           ที่สำคัญควรดื่มน้ำที่สะอาดให้มาก พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคู่กันไป ละเว้นจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสภาวะที่มีฝุ่นและควันพิษต่างๆ รวมทั้งแสงแดดจัดๆ ในช่วงเวลา 9.30-15.00 น. ซึ่งจะทำลายผิว
           
    ผู้เขียน Madam Chic
    ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก หนังสือพิมพ์ทูเดย์-ไกด์ ฉบับวันที่ 17 มกราคม2556
    และhttp://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9550000132370
    your ad here

    0 ตุรกี

    บันทึกการเดินทางประเทศตุรกี
    • บนเส้นทางของประเทศสองทวีป ตุรกีเป็นประเทศที่สวยงามด้วยมรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก รวมทั้งร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่
    • ผมเดินทางมาเที่ยวประเทศตุรกี สิ่งที่ประประทับใจมากที่สุดก็อัธยาศัยไมตรีของคนตุรกี โดยส่วนตัวแล้วผมเองค่อนข้างจะกลัวความวุ่นวายของเมืองแขก(อิสลาม) แต่ที่นี่กลับว่าไม่ใช่ ความน่ารักของผู้คน อัธยาศัยไมตรีที่ต้อนรับคนต่างชาติ พอรู้ว่าเป็นคนไทย การเข้ามาพูดคุยถามไถ่และรอยยิ้มมันทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่ต้องเทใจให้ว่า ตุรกีเป็นประเทศที่น่ารักมากที่สุดอีกประเทศหนึ่งของโลก
    • ก่อนที่จะไปเที่ยวประเทศตุรกี ลองดูรูปสถานที่ท่องเที่ยวก่อนนะครับว่าประเทศนี้น่าเที่ยวแค่ไหน
    • ฤดูกาลท่องเที่ยวตุรกี
    • ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน - เดือนกันยายน) ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม) ชอบบรรยากาศแบบไหนก็ไปเที่ยวกันได้นะครับ
    สุเหร่าสีน้ำเงิน สุเหร่าสีฟ้า นครอิสตันบูล ตุรกี
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย นครอิสตันบูล ตรุกี
    ตุรกี
    • ตุรกี ดินแดนสองทวีป
    • ตุรกี (Turkey) ดินแดนสองบุคลิกเพียงหนึ่งเดียวในโลก ที่มีอาณาเขตพาดผ่านแผ่นดินทั้งยุโรปและเอเชียผนึกแน่นเป็นเนื้อเดียว แผ่นดินที่ราบสูงอนาโตเลียมิเพียงขรึมขลังด้วย รากประวัติศาสตร์อารยธรรมที่เก่าแก่และความหลากหลายของชนหลายกลุ่มนับแต่ ครั้ง 2,500 ปีก่อนคริสตกาล
    • ตุรกีเป็นนครที่อุดมไปด้วยเรื่องราวแห่งตำนานและประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเมืองทรอย และม้าไม้อันลือลั่น อิสตันบูล อดีตเมืองหล่วงแห่ง 3 อาณาจักร ศึกษาร่องรอยอารยธรรมของดินแดนในตอนกลางอนาโตเลีย มรดกโลกทั้งทางด้านธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมในบริเวณที่เรียกว่า คัมปาโดเจีย ชื่นชมทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์แห่งหุบเขาเกอเรเม ปามุกคาเล หรือ ปราสาทปุยฝ้ายที่ธรรมชาติรังสรรค์ เมืองเอเฟซุส นครโบราณที่พรั่งพร้อมไปด้วยร่องรอยอารยธรรมแห่งกรีก-โรมัน
    • การท่องเที่ยวในตุรกีมีหลายประเภท ไมว่าจะเป็นการปีนเขา ชมธรรมชาติ เที่ยวทะเล ดำน้ำ ตกปลา ล่องแก่ง และชมโบราณสถานเชิงศิลปะและประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าประเภทหัตถกรรมที่โด่งดังอีกด้วย
    • ข้อมูลทั่วไปตุรกี
    • เมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara) อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล ตั้งอยู่ในจังหวัดอังการาอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 938 เมตร มีประชากรประมาณ 3.9 ล้านคน
    • เมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีคือ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)
    • ตุรกี หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป
    • ตุรกี เป็นดินแดนที่กวีเอกโฮเมอร์ (Homer) รจนามหากาพย์อีเลียด (Ilias) ตามแรงบันดาลใจเมื่อได้เห็นฝั่งทะเลอีเจียน ดินแดนที่มาร์ก แอนโทนีและคลีโอพัตราเลือกมาฉลองความหวานชื่ผนแห่งน้ำผึ้งพระจันทร์ ดินแดนแห่งสิ่งมหัสจรรย์ของโลกยุคโบราณ เช่น สุสานแห่งเมืองฮาลิคาร์นัสซุส (Maausoleum in Halicarnassus) และวิหารเทพีอาร์ทีมิสในเอฟซุส สัมพัสทะเลงดงามที่เทพีวีนัสเคยสรงสนาน และเพลิดเพลินไปในดินแดนที่เทพีสุริยะให้สมญานามว่า อนาโตเลีย (Anatolia)
    • ตุรกีเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชียซึ่งครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลีย นับเป็นพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศ และถูกแยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลส (ซึ่งรวมกันเป็นพื้นน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ตุรกีในฝั่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ ดินแดนของตุรกีมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 800
    • ตุรกีฝั่งเอเชียที่มักเรียกว่าอานาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ประกอบ ด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของประเทศ อยู่ระหว่างเทือกเขาทะเลดำตะวันออกและเกอรอลูทางตอนเหนือกับเทือกเขาเทารัส ทางตอนใต้ และมีที่ราบแคบ ๆ บริเวณชายฝั่ง ทางตะวันออกของตุรกีมีลักษณะเป็นภูเขาและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายเช่น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบวัน และยอดเขาอารารัด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตุรกีที่ 5,165 เมตร
    • ตุรกีมีเนื้อที่ทั้งประเทศประมาณ 780,695 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใน 2 ทวีส่วนที่เหลือในเอเป คือ เอเชีย และยุโรบ ส่วนที่เหลืออยู่ในเอเชีย 97% เรียกว่า อนาโตเลีย (Anatolia) ภาษาตุรกี เรียกว่า อนาโดหลุ (Anadolu) และ อีก 3% อยู่ในยุโยปเรียกว่า เทรซ (Thrace) พรหมแดนด้านยุโรปติดกับกรีซและบัลแกเรียด้านเอเชียร์ติดกับจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจัน อิหร่าน อิรัก และซีเรีย มีทะเลล้อมล้อม 3 ด้าน ทะเลดำทางทิศเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศใต้ และทะเลอีเจียนทางทิศตะวันตก
    • สภาพภูมิประเทศที่หลากหลายนั้นเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปี และยังคงปรากฏให้เห็นในปัจจุบันในรูปของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และภูเขาไฟระเบิดใน บางครั้ง ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลสก็เกิดจากแนวแยกของเปลือกโลกที่วาง ตัวผ่านตุรกีทำให้เกิดทะเลดำขึ้น ทางตอนเหนือของประเทศมีแนวแยกแผ่นดินไหววางตัวในแนวตะวันตกไปยังตะวันออก ซึ่งเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2542
    วิหารเซนต์โซเฟีย นครอิสตันบูล ตรุกี
    ตุรกี
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย อิสตันบูล
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย อิสตันบูล
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย อิสตันบูล
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย อิสตันบูล
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย อิสตันบูล
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย ตุรกี
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย ตุรกี
    ตุรกี
    วิหารเซนต์โซเฟีย ตุรกี
    • สภาพภูมิอากาศของตุรกี
    • ด้านที่ติดกับชายฝั่งด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน กล่าวคือหน้าร้อนอากาศร้อนและแห้งแล้ง ส่วนหน้าหนาวอากาศอบอุ่นและมีฝนตก เทือกเขาที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นตัวกั้นทำให้ภูมิอากาศตอนกลางของประเทศ เป็นแบบภาคพื้นทวีป ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวบริเวณที่ราบสูงตอนกลางหนาวมาก อุณหภูมิลดลงถึง -30 ถึง -40? อาจมีหิมะปกคลุมนานถึง 4 เดือนต่อปี
    • ฝั่งตะวันตกของตุรกีมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 1 ? ฤดูร้อนร้อนและแห้งแล้ง ในตอนกลางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 30? ปริมาณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ย ต่อปีประมาณ 400 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณจริงแตกต่างกันไปตามระดับความสูง บริเวณที่แห้งแล้งที่สุดคือที่ราบกอนยาและที่ราบมาลาตยาซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉ ลี่ยนต่อปีต่ำกว่า 300 มิลลิเมตร เดือนที่มีฝนมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคม และเดือนที่แล้งที่สุดคือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
    • ตุรกีมีจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 69,660,559 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเติร์ก (85%) และเคิร์ด (15%) นอกจากนั้นเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายลาซ เฮมซิน อาหรับ ยิว กรีก และอาเมย์เนียน ประชากรกว่าครึ่ง (59%) อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้ อิสตันบลู (Istanbul) อังการา (Ankara) อิสมีร์ (Izmir) อาดานา (Adana) คอนยา (Konya) บูร์ซา (Bursa) และอันตาเลีย (Antalya) ประชากร 99% นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือนับถือคริสและยิว
    • หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวตุรกีจำนวนมากอพยพไปยังยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะเยอรมนีตะวันตก) เนื่องจากความต้องการแรงงานในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดชุมชนชาวตุรกีนอกประเทศขึ้น แต่ในระยะหลังตุรกีกลับกลายเป็นจุดหมายของผู้อพยพจากประเทศข้างเคียง ซึ่งมีทั้งผู้อพยพที่ปักหลักอยู่ในประเทศตุรกี และผู้ที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านต่อไปยังประเทศกลุ่มยุโรป
    • ศาสนาในตุรกี ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือเป็นคริสต์นิกายกรีกออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และยิว
    • การศึกษา ตุรกีกำหนดให้เด็กทุกคนต้องเข้าโรงเรียนเมื่ออายุได้ 7 ปี และศึกษาอยู่ในโรงเรียนภาคบังคับเป็น 8 ปี จึงมีการสอบระดับประเทศเด็กจบการศึกษาสามารถเลือกเรียนต่อมัธยมในโรงเรียนของรัฐหรือเอกชน ซึ่งแบ่งการเรียนการสอนเป็นแบบภาษาตุรกีจะใช้เวลา 3 ปี และแบบอังกฤษใช้อังกฤษใช้เวลา 4 ปี จากนั้นจึงเป็นการสอบแข่งขันระดับประเทศอีกครั้งเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ตุรกีมีโรงเรียนประถมประมาณ 45,870 แห่ง โรงเรียนฝึกหัดอาชีพ 1,900 แห่ง และมหาวิทยาลัย
    • ภาษา ภาษาราชการคือ ภาษาตุรกี (Turkish) ภาษาอื่นที่ใช้ในประเทศได้แก่ เคิร์ด (Kurdish) และอารบิก ( Arabic)
    • การแบ่งเขตการปกครอง ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด ได้แก่
    • การแบ่งเขตการปกครองของตุรกี ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด
    • การเมืองการปกครอง ตุรกีมีระบบการเมือง เป็นแบบสาธารณรัฐ ที่แยกศาสนาออกจากการเมือง มีการปกครองแบบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และนายยกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล ประธานาธิบดีเป็นประมุขมาจากการเลือกตั้งของสภาแห่งชาติ ดำรงวาระตำแหน่งวาระละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี
    สถาบันทางการเมือง สภาแห่งชาติเป็นสภาเดียว มีสมาชิกจำนวน 550 คน การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติกระทำทุก 5 ปี
    • ธงชาติ ธงชาติตุรกีเป็นสีแดง มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวสีขาวอยู่กึ่งกลางมีเรื่องเล่าว่าคืนแรกที่สุลต่านองค์แรกของออตโตมันเข้ามายังดินแดน อนาโตเลีย พื้นดินนองไปด้วยเลืออดแดงฉาน และมีเงาสะท้อนของจันทร์เสี้ยวกับดาวบนกองเลือด จันทร์เสี้ยวและดาวจึงเป็นสัญญาลักษณ์นับแต่บัดนั้นจนปรากฏอยู่บนธงชาติตุรกีในปัจจุบัน ส่วนเพลงชาติของตุรกีคือ อิสทิคลัลมาร์ชึ (Istiklal Marsi)
    • เศรษฐกิจ ตุรกีเป็นประเทศเกษตรกรรม สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อการเลี้ยงคนในประเทศ ผลผลิตที่สำคัญของประเทศคือ มะกอก ฝ้าย ใบชา ยาสูบ ผลไม้ ผัก ปลา ปศุสัตว์ และยังมีการทำเหมืองแร่ ตลอดจนอุตสาหกรรมหนักบางประเภทซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญคือ ฝ้าย ขนสัตว์ ยาสูบ ลูกเกด แร่โครเมียม แมงกานีส และอะไหล่ยนต์ เป็นต้น
    เมืองเอเฟซุส (Ephesus) หรือเอเฟส (Efes) : มหานครโบราณของโรมัน
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส (Ephesus) หรือเอเฟส (Efes) มหานครโบราณของโรมัน
    ตุรกี
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส มหานครโบราณ
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส มหานครโบราณ
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส มหานครโบราณ
    ตุรกี
    โรงละครเอเฟซุส
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส มหานครโบราณ
    ตุรกี
    ห้องสมุดเซลซุส เอเฟซุส
    ตุรกี
    เมืองเอเฟซุส มหานครโบราณ
    ตุรกี
    เที่ยวเมืองเอเฟซุส
    • สังคมและวัฒนธรรมตุรกี
    • ต้นกำเนิดเชื้อสายตุรกี ในทางมานุษยวิทยาชาวตุรกีส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชนเชื้อสายTurkic หรือ Turk ซึ่งอพยพเข้ามายังอนาโตเลียจากเอเชียกลางในทศวรรษที่ 11 เติร์กเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนหลังไปได้กว่า 4,000 ปี ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก อยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต (Altai Mountain) ในเอเชียกลาง(บริเวณตอนเหนือของประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน) ด้วยเหตุนี้ ชนเชื้อสายเติร์กจึงถูกเรียกว่า “Altaic peoples” บันทึกหลักฐานเกี่ยวกับชนเชื้อสายเติร์กได้ปรากฎในบันทึกของจีน ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ซึ่งกล่าวถึงชนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต ซึ่งจีนเรียกชนตเร่ร่อนกลุ่มนี้ว่า “Hsiung-nu” หรือ “Hun” (ตามการอ้างอิงของตะวันตก)
    • การขุดค้นทางโบราณคดีในประเทศมองโกเลียเมื่อไม่นานมานี้ปรากฏหลักฐานยืน ยันชัดเจนว่า ชาวเติร์กมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบมองโกเลียในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก เรื่อยมาจนกระทั่งในราวศตวรรษที่ 6 ชนเชื้อสายเติร์กได้เริ่มอพยพออกจากบริเวณเทือกเขาอัลไตและได้แยกย้ายกันไป ตั้งถิ่นฐานในดินแดนต่างๆ ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างถึงประมาณ 18 ล้านตารางกิโลเมตร สาเหตุของการเคลื่อนย้ายอพยพดังกล่าวเชื่อกันว่า มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการเช่น การเพิ่มของจำนวนประชากร เช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทำให้ต้องมีการแสวงหาพื้นที่ทำกินเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศในเอเชียกลางและปัญหา กระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านที่เข้มแข็งกว่า
    • ชาวเติร์กแต่เดิมเป็นชนเร่ร่อนจึงมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายเผ่า ตามที่ปรากฏในตราประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของตุรกีซึ่งเป็นรูปดาวขนาดเล็ก 16 ดวง ล้อมรอบดวงดาวขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลางดาวทั้าง 16 ดวง นี้เป็นสัญลักษณ์แทนอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของชนเชื้อสายชาวเติร์ก 16 อาณาจักร เริ่มตั้งแต่อาณาจักร Hun ซึ่งก่อตั้งในศตวรรษที่ 13 หากพิจารณาตามชาติพันธุ์วิทยาแล้ว ชาวตุรกีควรจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวเติร์กในประเทศเอเชียกลางได้แก่ ประเทศคาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน และครีกีซสถาน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนมองโกเลีย
    • อย่างไรก็ดี ชาวตุรกีในปัจุบันมีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยจะเหมือนชาวเติร์กในเอเชียกลาง เท่าใดนัก ทั้งนี้ อาจเพราะมีการแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ ในช่วงที่บรรพบุรุษของชาวตุรกีในปัจจุบัน อพยพมาจากเอเชียกลางมาทางทิศตะวันตกจนกระทั่งมาตั้งหลักปักฐานลงในอนาโตเลีย ศตวรรษที่ 11 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดพอที่จะระบุไว้ ชนเก่าแก่ที่เคยอาศัยอยู่ในอนาโตเลียก่อนที่เติร์กจะเข้ามา เช่น ฮิตไตต์ ฟรีเกีย ลิเดีย ลิเซีย อูราทู และชนกลุ่มอื่นๆ มีจำนวนหลงเหลืออยู่สักเท่าใด อาณาจักรของชนเหล่านี้แจะล่มสลายไป แต่ผู้คนในอาณาจักรเหล่านี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญสลายหายตามไปด้วย
    • ภายหลังตุรกีได้ลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในอนาโตเลียแล้ว ก็เริ่มแผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไบแซนไทน์ จักรพรรดิ์ไบเซนไทน์ในยุคหลังๆ พยายามที่จะผูกไมตรีกับเติร์ก เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ในปี ค.ศ. 1345 สุลต่านออร์ฮัน (Orhan) พระราชโอรสของสุลต่านออสมัน ผู้สถาปนาอาณาจักรและราชวงศ์ออตโตมัน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงธิโอโดรา พระราชธิดาของจักรวรรดิ John Cantacuzenus แห่งไบเซนไทน์ สุลต่านออร์ฮัน ทรงเป็นพระราชวงศ์ออตโตมันพระองค์แรกที่ได้พระชายาเป็นชนชั้นสูงของไบเซนไท น์ ภายหลังที่อาณาจักรออตโตมันได้แผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างในยุโรปบอลข่าน และยุโรปตะวันออก การแต่งงานระหว่างชาวออตโตมันเติร์กกับชาวยุโรปกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ตั้งแต่ระดับชนชั้นสูง
    • นอกจากแต่งงานข้ามสายพันธุ์แล้ว พลเมืองในยุโรปที่ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิออตโตมัน เช่น ยุโรปบอลข่าน จำนวนไม่น้อยได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งออตโตมันเรียกเก็บจากคนที่มิใช่มุสลิม ในอัตราที่สูงกว่าที่เก็บจากคนที่เป็นมุสลิมถึงร้อยละ 50 ชาวยุโรปเหล่านี้จำนวนไม่น้อยตัดสินใจหันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าวและมีโอกาสทำงานราชการกับออตโตมัน ชาวยุโรปเหล่านี้จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมุสลิมออตโตมัน
    วิหารอะโครโปลิส เมืองเพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    ประเทศตุรกี
    วิหารอะโครโปลิส เพอร์กามุม
    • เติร์กกับศาสนาอิสลาม 
    • ประมาณร้อยละ ๙๙ ของประชากรในประเทศตุรกีนับถือศาสนาอิสลาม ชาวเติร์กซึ่งแต่เดิมอาศัยอยู่ในเอเชียกลางเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับคนที่นับถือศาสนาอิสลามครั้งแรกในราวศตวรรษที่ 8 โดยผ่านทางกองคาราวานสินค้าของชาวอาหรับ ในราวศตวรรษที่ 10 ชาวเติร์กส่วนใหญ่ได้เข้ามานับถือศาสนาอิสลามอาณาจักรของชาวเติร์ก ซึ่งก่อตั้งราวศตวรรษที่ 9 เป็นอาณาจักรของชาวเติร์กมุสลิมแห่งแรกในเอเชียกลาง นอกจากนี้อาณาจักรของชาวเติร์กเผ่า “Ghazna” ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในยุคเดียวกัน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ก็เข้ามานับถือศาสนาอิสลามด้วย ผู้นำของอาณาจักรแห่งนี้ชื่อ มาห์มุด (Mahmud) เป็นผู้นำชาวเติร์กคนแรกที่ได้รับการเรียกขานตำแหน่งสุลต่านซึ่งเป็นคำใน ภาษาอาหรับแปลว่า “sovereign authority”
    • ในช่วงที่เซลจุกเตอร์กขยายอำนานเข้ามาในอนาโตเลียในศตวรรษที่ 11 ชาวเติร์กส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ไม่ทั้งหมด ชาวเติร์กเผ่า Hazar ซึ่งได้สถาปนาอาณาจักรของตนเองในศตวรรษที่ 7 และเป็น 1 ใน 16อาณาจักรของชาวเติร์ก ตามที่ปรากฏในตราประจำตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกี นับถือศาสนา Judaism หรือ ยิว ในศตวรรษที่ 12 อาณาจักรของชาวเติร์ก ได้ถูกทำลายเรื่องราวเกี่ยวชาวเตร์กยิวเผ่านี้ได้ถูกลบเลือนหายไป จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ มีชาวฝรั่งเศสเชื้อสาย ยิว ชื่อนาย Marek Halter ได้เดินทางไปพบเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ “Krasnaya Sloboda” ตั้งอยู่ในเทือกเขาระหว่างประเทศอาเซอร์ไบจานและรัฐดากิสถาน ในรัสเซีย เมืองแห่งนี้มีประชากรประมาณ 6,000 คน
    • ก่อนการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี ชาวกรกีออโธด็อก เป็นกลุ่มชนที่สำคัญในอนาโตเลีย วัฒนธรรมกรีกในอนาโตเลียมีประวัติย้อนหลังไปถึงสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราช ยกกองทัพเข้ามายังอนาโตเลียในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลในสมัยไบเซนไทน์ภาษาและวัฒนธรรมของกรีกได้รับการยอมรับ อย่างกว้างขวางในอนาโตเลีย ชาวกรีกออโธด็อกในอนาโตเลียจึงมีอยู่จำนวนไม่น้อย ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาโลซานน์ในปีค.ศ. 1923 ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีและรัฐบาลของกรีซและตุรกีก็ได้ตกลงแลก เปลี่ยนประชากรกัน โดยชาวเติร์กในกรีซกว่า 5 แสนคน และชาวกรีกในตุรกีกว่า 1.3 ล้านคน
    • การแลกเปลี่ยนประชากรดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อ ชาติและศาสนาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 กรีซได้ส่งกองทัพเข้ามายึดดินแดนในแถบทะเลอีเจียนของตุรกี การยึดครองดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่ชาวเติร์กผู้รักชาติ และได้นำไปสู่การต้อสู้ระหว่างกองกำลังภายใต้การนำของอตาเติร์ก และกองทหารกรีซ ในสงครามเพื่ออิสรภาพระหว่างปี ค.ศ. 1919-1923 ผลของการโยกย้ายประชากรดังกล่าว ภายหลังสงครามยุติลง ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของตุรกีประมาณร้อยละ 99 เป็นชาวมุสลิม
    • เวลา : ช่วงฤดูร้อน ช่วงเดือนเมษายน – เดือนกันยายน ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง , ช่วงฤดูหนาว ช่วงเดือน ตุลาคม-เดือนมีนาคม ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
    • สกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ลีร่าใหม่ตุรกี (New Turkish Lira- YTL) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าร์สหรัฐ = 1.4 ลีร่าใหม่ตุรกี หรือเงินไทย 1 ลีร่าใหม่ตุรกี = 25.25 บาท
    • ไฟฟ้า ตุรกีใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ปลั๊กเป็นแบบเขี้ยวกลม 2 เขี้ยว
    • รหัสโทรศัพท์ รหัสโทรศัพท์ของตุรกีคือ 90 รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศ คือ 00 เช่น ถ้าต้องการโทรศัพท์กลับมาที่กรุงเทพฯ จากตุรกี ให้กดหมายเลข 00 ตามด้วย รหัสประเทศไทย 66 รหัสจังหวัดกรุงเทพฯ 2 ตามด้วยหมายเลขปลายทาง ที่ต้องการ 7 หลัก (เช่น 00-66-2-969-3664)
    • ไปรษณีย์ ตุรกีเปิดทำการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-17.00 น.หากเป็นที่ทำการไปรษณีย์หลัก จะเปิดทำการตั้งแต่ 08.30-21.00 น. มีขายแสตมป์และบริการโทรศัพท์ทางไกล จุดสังเกตคือสัญลักษณ์ PIT (Post, Telegraph and Telephon) ที่ด้านหน้า
    • พิพิธภัณฑ์ โดยทั่วไปเปิดทำการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30 -17.00 น. ยกเว้นวันจันทร์และวันหยุดทางศาสนา เช่นเดียวกับพระราชวังที่เปิดให้ชมได้ในเวลาเดียวกัน แต่พระราชวังจะปิดในวันพฤหัสบดี
    • ร้านค้า ส่วนใหญ่เปิดเวลาทำการวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 09.30 น.-13-00 น. และ 14.00 – 17.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ ห้างสรรพสินค้า เปิดเวลา 10.00-22.00 น.
    • ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวตุรกี : ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน –เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน) ฤดูใบไม้ร่วง (เดือน ตุลาคม- เดือนพฤศจิกายน) และฤดูหนาว (เดือน ธันวาคม – เดือนมีนาคม)
    • สำหรับช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดในตุรกีคือ ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน) และช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงเดือนตุลาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่มีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ เมืองคัปปาโดเจีย
    ประเทศตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : นครใต้ดินไคมัคลึ (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli) เมืองคัปปาโดเจีย
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี
    เมืองคัปปาโดเจีย
    ประเทศตุรกี
    พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
    ประเทศตุรกี
    พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
    ประเทศตุรกี
    พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
    ประเทศตุรกี
    พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
    ประเทศตุรกี
    เมืองคัปปาโดเจีย
    ประเทศตุรกี
    นครใต้ดิน เมืองคัปปาโดเจีย
    ประเทศตุรกี
    นครใต้ดิน เมืองคัปปาโดเจีย
    • การเดินทางไปประเทศตุรกี
    1.ทางอากาศ
    • การเดินทางจากประเทศไทยไปตุรกี มีสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่อิสตันบูล ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง ซึ่งตุรกีมีเวลาช้ากว่าเมืองไทย 4 ชั่วโมง
    สำนักงานสายการบินตุรกีประจำประเทศ : ตึกซีพีทาวเวอร์ (CP Tower) ชั้น 3 เลขที่ 313 ถนนสีลม กรุงเทพฯ 10500
    โทรศัพท์ 02-231-0300-7 โทรสาร 02-231-0311 เว็บไซต์ www.turkishairlines.com
    • ส่วนสายการบินอื่น อาจต้องแวะที่อื่นก่อน สนามบินนานาชาติตุรกี ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล คือ ท่าอากาศยานอตาเติร์ก (Ataturk Airport)
    2.ทางเรือ
    • บริษัทเดินเรือตุรกี (Turkish Maritime Lines, TML) บริการเรือโดยสารจากเวนิชในอิตาลีสู่บางส่วนของตุรกี จากเมือง Magosa และ Gime ในไซปรัสเข้าตุรกี และจากกรีซ (Lesbon, Chios, Samos, Cos, Rhodes) เว็บไซต์ www.tdi.com.tr
    3.ทางรถไฟ
    Istanbul Express บริการรถไฟเชื่อมตรงจากเมืองต่างๆ ในยุโรป เช่น โซเฟีย (Sofia) เบลเกรด (Belgrade) บูดาเปสต์ (Budapest) เวียนนา (Vieanna) มอสโคว์ (Moscow) เทสสะโลนิกิ (Thessaloniki) เตหะราน (Teharan) มิวนิค (Munich) ขึ้นจากสถานีรถไฟซีร์เคยี (Sirkeci) ในอิสตันบูลฝั่งยุโรป
    • การเดินทางในประเทศตุรกี
    • คนตุรกีนิยมเดินทางโดยรถประจำทางปรับอากาศหรือทางเรือ บริษัทเดินรถระหว่างเมืองมีเส้นทางครอบคลุมกว้างขวาง สะดวกสบาย ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางและเส้นทางที่ได้รับความนิยม แม้ว่าส่วนใหญ่สถานีเดินรถเหล่านี้จะตั้งอยู่ชานเมือง แต่มีบริการรถรับ-ส่ง ผู้โดยสารถึงในเมือง
    • บริษัทที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานสูง ได้แก่ บริษัทวารัน (Varan Fmi โทร. 212-551-5000 เว็บไซต์ www.varan.com.tr) บริษัท อูรูซอย (Ulusoy โทร. 212-444-1888 เว็บไซต์ www.ulusoy.com.tr) ปามุกคาเล (Pamukkale โทร. 212-444-3535 เว็บไซต์ www.pamukkaleturizum.com.tr) และคามิลโคช (Kamilkoc โทร. 212-444-0562 เว็บไซต์ www.kamilkoc.com.tr) ซึ่งถ้าซื้อตั๋วไปกลับพร้อมกันจะได้ส่วนลด 10%
    • การเดินทางโดยรถไฟของการรถไฟตุรกี (Turkish State Railways, Turkiye Cumhuriyeti Devlet Demiryollari, TCDD, DDY) ไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากมีเส้นทางจำกัดและไม่สะดวกสบายเท่ารถทัวร์หรือเครื่องบิน ต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟไฮดาร์พาซา (Haydarpasa) ในอิสตันบูลฝั่งเอเชีย ไปยังอนาโตเลียตอนกลาง ได้แก่ เมืองอังการา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง และรถตู้นอนใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง มีบริการทุกวัน) เมืองอาดานา (ใช้เวลา 22 ชั่วโมง มีรถทุกวันพฤหัสบดีและอาทิตย์) เมืองปามุกคาเล คารส์ เดนิชลิ คารามาน คอนยา และอิสมีร์ ในอนาคตการรถไฟตุรกีก็จะมีโครงการสร้างรถไฟสายด่วนพิเศษ (High-Speed Rail Project) ที่กำลังปรับปรุงอยู่ คือเส้นทางอิสตันบูล-อังการา ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที และเส้นทางอังการา-คอนยา ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที และเส้นทางอื่นในอนาคต เช่น สาย Ankara-Usak-Izmir (รวมกับสาย Istanbul-Ankara ที่สถานี Polatli) สาย Ankara-Yozgat-Sivas และ Istanbul-Bursa หรือ Ankara-Bursa (รวมกับสาย Istanbul-Ankara ที่สถานี Osmaneli) เว็บไซต์ www.tcdd.com.tr
    • สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดและมีทุนทรัพย์เพียงพอ สามารถเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศเข้าสู่เมืองต่างๆ เช่น อังการา อิสมีร์ อาดานา ดาลามาน แอร์ชูรุม กาเชียนเทป คาร์ส วัน บอดรุม ชานักคาเล และทรับโซน สายการบินภายในประเทสส่วนใหญ่ให้บริการโดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ (www.turkishairlines.com)
    • การขับรถเที่ยวในตุรกีค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีป้ายบอกทางเขียนเป็นตัวหนังสือแบบอังกฤษ (แต่เป็นภาษาตุรกี) การออกนอกเมืองใหญ่ต้องพึ่งรถเช่าหรือรถแท็กซี่ เพราะขนส่งมวลชนไม่ค่อยสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถหารถเช่าจากบริษัทเช่ารถที่มีอย่างแพร่หลายตามเมืองท่องเที่ยว เช่น อิสตันบูล อังการา อิสมีร์ ราคาค่าเช่าค่อนข้างแพง และควรวางแผนเรือ่งที่จอดรถเผือ่ไว้ด้วย
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : ปราสาทปุยฝ้าย เมืองปามุกคาเล่ ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : ปราสาทปุยฝ้าย เมืองปามุกคาเล่ ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี
    ปามุคคาเล่ ปราสาทปุยฝ้าย
    ประเทศตุรกี
    ปามุคคาเล่ ปราสาทปุยฝ้าย
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี ปามุคคาเล่
    ประเทศตุรกี
    ปามุคคาเล่ ปราสาทปุยฝ้าย
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี ปามุคคาเล่
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี ปามุคคาเล่
    ประเทศตุรกี
    ประเทศตุรกี ปราสาทปุยฝ้าย
    ประเทศตุรกี
    ปามุคคาเล่ ปราสาทปุยฝ้าย
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส ช่องแคบสองทวีป
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี : แหล่งช้อปปิ้งตุรกี ตลาดสไปซ์มาร์เกต กรุงอิสตันบูล
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ท่าเรือช่องแคบบอสฟอรัส
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ช่องแคบบอสฟอรัส อิสตันบลู
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส ตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส ตุรกี
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต
    สถานที่ท่องเที่ยวตุรกี
    ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต

    ขอบคุณข้อมูลดีๆจากhttp://www.oceansmile.com/Turkey/Index.shtml

    your ad here

    eNews & Updates

    Sign up to receive breaking news
    as well as receive other site updates!

    Recent Posts

    หน้าเว็บ

    เกี่ยวกับฉัน

    รูปภาพของฉัน
    ยิ้มง่าย,เอาแต่ใจ,นิสัยดี..อิอิ

    ผู้ติดตาม

    ขับเคลื่อนโดย Blogger.